• หน้าหลัก
  • บริการของเรา
    • In-house and Virtual Training
    • Keynote Speaker
    • Course Online
  • สรุปเรื่องน่ารู้
    • บทความ
    • การเงิน
    • Podcast
    • เขียนได้ขายดี
  • เกี่ยวกับเรา
  • แจ้งชำระเงิน
  • ติดต่อสอบถาม
senseipae
  • หน้าหลัก
  • บริการของเรา
    • In-house and Virtual Training
    • Keynote Speaker
    • Course Online
  • สรุปเรื่องน่ารู้
    • บทความ
    • การเงิน
    • Podcast
    • เขียนได้ขายดี
  • เกี่ยวกับเรา
  • แจ้งชำระเงิน
  • ติดต่อสอบถาม

เขียนได้ขายดี

Home » วิธีกลั่นความรู้ลงสู่หนังสือ

วิธีกลั่นความรู้ลงสู่หนังสือ

  • Posted by วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ (เซนเซแป๊ะ)
  • Categories เขียนได้ขายดี
  • Date 30 พฤษภาคม 2023
  • Comments 0 comment

ความรู้เต็มหัวแต่เปลี่ยนเป็นหนังสือไม่ได้

ถ้าคุณคือคนที่อ่านหนังสือเป็นร้อยเล่ม ลงมือทำจนมีประสบการณ์และผลงาน จนใคร ๆ ก็บอกว่าเขียนหนังสือได้แล้ว หรือคุณมีไอเดียและจินตนาการที่แจ่มชัดว่าตัวละครจะทำอะไรบ้าง ถึงจุดพีคยังไง จบแบบไหน แต่พอจะเรียบเรียงให้เป็นหนังสือสักเล่ม กลับไม่รู้จะเริ่มยังไงดี บทความนี้มีแนวทางให้ครับ

ไม่ใช่ไม่เก่ง แค่ยังไม่รู้วิธีการ

ผมเองตอนเขียนหนังสือเล่มแรก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มยังไง จนหลังจากที่ทำหนังสือ Bestseller ได้ 3-4 เล่ม ก็ตกผลึกกับตัวเองได้เป็นหัวข้อตามหนังสือ Bestseller เล่มแรก “เปลี่ยนยากเป็นง่ายด้วยการคิดบนกระดาษหนึ่งใบฯ” ของผมกับเซนเซเล็กเลยครับ (และเป็นแนวทางเดียวกับที่ผมสอนในหลักสูตร How to Make Bestseller Book เขียนได้ขายดี ที่เปิดแล้วกว่า 5 รุ่น)

  1. Planning : เข้าใจผู้อ่านให้มากที่สุด
  2. Prioritizing : ออกแบบหัวข้อสารบัญ ปริมาณข้อมูล และลำดับในการเขียน
  3. Packaging : ออกแบบวิธีการเล่าเรื่อง การจัดรูปเล่มให้น่ามอง น่าอ่าน

Planning : เข้าใจผู้อ่านให้มากที่สุด

ถ้านึกถึงอาหารสักอย่างที่อยากทานมากที่สุดในมื้อที่กำลังจะถึง อาหารนั้นคืออะไรครับ แล้วถ้าเกิดแค่คิดไว้ในใจเฉย ๆ ไม่ได้บอกใคร ปรากฏว่าคนที่บ้านเตรียมไว้ให้แล้วที่โต๊ะอาหาร วินาทีแรกที่เห็นมันมาวางตรงหน้า รู้สึกยังไงครับ

เดาว่าน่าจะรู้สึกดี เซอร์ไพรส์มากกว่าที่จะเสียใจใช่ไหม

ถ้าเปรียบนักเขียนเป็นเชฟแข่งทำอาหาร เชฟที่เลือกเมนูถูกใจกรรมการย่อมมีโอกาสชนะมากกว่า นักเขียนก็เช่นกัน อยากเขียนอะไร อาจไม่สำคัญเท่าคนอ่านอยากอ่านอะไรจากเรา

การเข้าใจผู้อ่านเริ่มจากกำหนดให้ชัดว่าหนังสือเล่มนี้จะเขียนให้ใคร เขาจะได้ประโยชน์อะไรจากหนังสือเล่มนี้ และเพื่อให้เขารับรู้ประโยชน์ของมัน หนังสือควรจะชื่อว่าอะไร

ยกตัวอย่างหนังสือ Bestseller อีกเล่มหนึ่ง Money Summary สรุปเรื่องเงินให้เข้าใจง่ายในหนึ่งเล่ม พี่หนุ่ม Money Coach และผมกำหนดชัดเจนว่าจะเจาะกลุ่มคนที่รู้สึกว่าการเงินส่วนบุคคลเป็นเรื่องยากและใช้เวลาเรียนรู้นาน เล่มนี้จึงให้ความรู้การเงินครบถ้วน ง่ายและใช้เวลาอ่านไม่นาน เป็นต้น

ดร.กฤตินี อาจารย์เกด เจ้าของหนังสือ Bestseller อย่าง Rinen, Omotenashi, Makoto Marketing ให้เทคนิคไว้ว่า ลองนึกหน้าคนที่เราอยากเขียนหนังสือให้ แล้วเขียนเหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง วิธีนี้จะทำให้ผู้อ่านประทับใจ เพราะเรื่องราวต่าง ๆ ออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ

ตอนที่ผมเขียนบทความนี้ ผมก็กำลังนึกถึงคุณคนที่อยากมีหนังสือเป็นของตัวเองสักเล่ม แต่พอจะเปิดคอมพิวเตอร์มา พิมพ์อะไรบางอย่างก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง สารบัญก่อนดี หรือ พิมพ์เนื้อหาสักบทก่อนดี กลัวไม่ต่อเนื่องกัน กลัวสั้นไปหรือยาวเกิน โอ้ยยย ฟุ้งไปหมด ฮ่า ๆ (ผมก็เคยเป็นมาก่อนครับ) 

Prioritizing : ออกแบบหัวข้อสารบัญ ปริมาณข้อมูล และลำดับในการเขียน

กลับมาที่อาหารจานโปรดที่เห็นแล้วเซอร์ไพรส์กันต่อ ถ้าคุณหยิบช้อนขึ้นมาตักใส่ปากสักคำแล้วพบว่า โอ้ว ทำไมมันอร่อยอย่างนี้ ผมเชื่อว่าคุณจะยิ่งหลงรักพ่อครัวหรือคนที่หาอาหารนั้นมาให้คุณมากขึ้นไปอีก จริงไหมครับ

ถ้าอยากกินอยู่แล้ว แถมยังปรุงอร่อยอีก ก็ยิ่งฟินเป็น 2 เท่า หนังสือก็คล้ายกัน ถ้ามันเป็นสิ่งที่เขาอยากอ่านอยู่แล้ว แถมเนื้อหายังดี เข้าใจง่าย คนอ่านก็ฟิน 2 เท่าเช่นกัน

แล้วจะทำยังไงให้เนื้อหาดี เข้าใจง่ายล่ะ คำตอบอยู่ในวิธีการปรุง “กะเพราไก่สักจานให้อร่อย” ครับ

คำถามที่ 1 ถ้าจะทำกะเพราให้อร่อย มันต้องมีวัตถุดิบอะไรบ้าง

ตอบ : ไก่ กะเพราะ พริก เครื่องปรุง น้ำมัน 

แน่นอนว่าไม่ควรใส่ทุเรียนสุกลงไปเพราะจะเพี้ยน เสียรสชาติกะเพรา ฮ่า ๆ หมายความว่าความอร่อยเริ่มต้นจากการมีวัตถุดิบที่ถูกต้อง เห็นด้วยไหมครับ

คำถามที่ 2 ในวัตถุดิบที่ถูกต้องนั้น อะไรควรมีปริมาณเยอะที่สุด

ตอบ : ไม่ไก่ก็กะเพรา

คงจะแปลกถ้าทำกะเพราแล้วน้ำมันมีปริมาณเยอะกว่าไก่และกะเพรา ผมกำลังอยากจะสื่อว่ากะเพราที่อร่อย นอกจากวัตถุดิบที่ถูกต้องจะสำคัญแล้ว สัดส่วนของวัตถุดิบเหล่านั้นก็ต้องเหมาะสมด้วย

คำถามที่ 3 เวลาจะผัดกะเพรา เอาอะไรลงกระทะเป็นสิ่งแรก

ตอบ : ไม่น้ำมันก็กระเทียม

แค่วัตถุดิบถูกและสัดส่วนถูกยังไม่พอ ลำดับการปรุงของวัตถุดิบก็มีผลด้วย

ทำกะเพราให้อร่อยกับเขียนหนังสือให้ดี เข้าใจง่ายคล้ายกันมากครับ

ทำกะเพราให้อร่อย

เขียนหนังสือให้ดี เข้าใจง่าย

วัตถุดิบ

หัวข้อที่ควรมีในสารบัญ

สัดส่วนของวัตถุดิบ

ปริมาณหน้าในแต่ละหัวข้อ

ลำดับการปรุง

ลำดับหัวข้อสารบัญ

โดยคอนเซปต์แล้วมีเพียงเท่านี้ ถ้าจะเอาไปประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติ คำแนะนำของผมคือให้ลองหาต้นแบบหนังสือที่เราชอบหัวข้อสารบัญ สัดส่วน และลำดับการเล่าเรื่อง มาลองวางเป็นโครงหลัก แล้วปรับแต่งให้เป็นของเราอีกทีครับ

ส่วนตัวของผม โครงสร้างที่ใช้ประจำคือ Why, What, How, Wow

Why : อธิบายว่าเพราะอะไรสิ่งนี้ เรื่องที่กำลังอ่านอยู่นี้ถึงสำคัญ

What : อธิบายว่าถ้าจะทำสิ่งนี้ได้ต้องรู้อะไรบ้าง

How : แจกแจงขั้นตอนให้เข้าใจง่าย

Wow : ยกกรณีศึกษาเจ๋ง ๆ ของเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างของการวางโครงสร้างสารบัญหนังสือเปลี่ยนยากเป็นง่ายฯ

WHY / 31 หน้า :  WHAT / 19 หน้า :  HOW / 137 หน้า : WOW / 42 หน้า

ตัวอย่างถอดรหัสของโครงสร้างสารบัญหนังสือขายดีในหลักสูตร How to Make Bestseller Book เขียนได้ขายดี

Packaging : ออกแบบวิธีการเล่าเรื่อง การจัดรูปเล่มให้น่ามอง น่าอ่าน

กะเพราไก่ที่อร่อยมากในกล่องโฟม คุณยอมจ่ายเงินซื้อกี่บาทครับ

แล้วถ้าเป็นกะเพราไก่ที่อร่อยมาก แถมจัดวางใส่จานสวย จนอยากถ่ายรูปอวดเพื่อนในโซเชียล คุณยอมจ่ายเงินซื้อกี่บาทครับ

ถ้าคำตอบของคุณคือ ยอมจ่ายให้อย่างหลังมากกว่าอย่างแรก ผมกับคุณอาจคิดเหมือนกันว่า “ความน่ากินมีผล”

ถ้าความน่ากินมีผลต่ออาหาร ความน่าอ่านก็มีผลต่อหนังสือที่เราเขียนเช่นกัน การออกแบบหน้าปก การจัดรูปเล่ม รวมไปถึงวิธีการเล่าเรื่องให้น่าติดตามถือเป็น Packaging ครับ

จุดเปลี่ยนหนึ่งที่ทำให้หนังสือเปลี่ยนยากเป็นง่ายฯ กลายเป็นหนังสือ Bestseller ได้ก็น่าจะเพราะวิธีการเปลี่ยนตัวอักษรเยอะ ๆ ที่รู้สึกอ่านยากให้มีภาพประกอบคำอธิบายได้นั่นเอง

 

ตัวอย่าง : ต้นฉบับแรกที่เต็มไปด้วยตัวอักษร ใช้พลังในการอ่านพอสมควร

ตัวอย่าง : ต้นฉบับสองที่ใช้ภาพอธิบายมากขึ้นเทียบกับหนังสือจริง

ทั้งนี้อย่าลืมให้ความสำคัญกับเนื้อหาและการเขียนในสิ่งที่ผู้อ่านอยากอ่านก่อนนะครับ คงเปล่าประโยชน์หากเราทำ Packaging ได้สวยงามน่าอ่านจนมีคนซื้อ แต่ปรากฏว่าเข้าใจยาก แถมเนื้อหาไม่โดนใจคนอ่านด้วย

สรุปวิธีกลั่นความรู้เป็นหนังสือ ทำได้ด้วยขั้นตอนแบบนี้ครับ

หมายเหตุ : สำหรับหลักสูตร How to Make Bestseller Book เรามีช่วง Workshop ให้ได้ออกแบบสารบัญกันด้วย ข้อดีคือคุณจะได้มุมมองจากผมและเพื่อนร่วมชั้นเก่ง ๆ ที่บางทีก็เป็นนักเขียน

หวังว่าจะได้ไอเดียแล้วเอาไปต่อยอดนะครับ อย่าลืมอ่านสารบัญของหนังสือขายดีหลาย ๆ เล่ม รับรองว่าได้แนวทางแน่นอนครับ

Post Views: 5
  • Share:
วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ (เซนเซแป๊ะ)

• วิทยากรและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีงานบรรยาย มากกว่า 200 รุ่น ในรอบ 3 ปี ส่งมอบความรู้ให้คนไทยมากกว่า 5,000 คน
• อดีตผู้จัดการหน่วยวิจัยและพัฒนาระดับประเทศที่มีประสบการณ์ทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น 2 ปี
• Founder “เพจสรุปให้” เพจที่มีคน ติดตามกว่า 390,000 คน
• ผลงานด้านนักเขียน Best Seller 3 เล่ม

Previous post

นักเขียนรายได้เท่าไร? พอเลี้ยงชีพไหม
30 พฤษภาคม 2023

Next post

วิธีอ่านหนังสือเพื่อเป็นนักเขียน
31 พฤษภาคม 2023

You may also like

8 คุณสมบัติของหนังสือขายดี
15 มกราคม, 2024

1. เนื้อหาต้องดี : วิธีประเมิน คือ อ่านจ …

งานแบบไหนตกงานยาก
15 มกราคม, 2024

งานแบบไหนตกงานยาก เห็นข่าว Lazada ปลดพนั …

วิธีอ่านหนังสือให้สนุกกว่าเดิม 4 เท่า
8 มกราคม, 2024

เปิดปีใหม่มางานสำนักพิมพ์ก็เริ่มเข้า ทั้ …

Leave A Reply ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Categories

  • Podcast
  • การเงิน
  • บทความ
  • บทความ
  • เขียนได้ขายดี


เซนเซแป๊ะ วิทยากรและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีงานบรรยาย มากกว่า 500 รุ่น ในรอบ 5 ปี ส่งมอบความรู้ให้คนไทยมากกว่า 5,000 คน


คอร์สออนไลน์

  • S2 : Turn How To Make Japanese Style presentation
  • S11 : Super Productive Communication Tools
  • S24 : Japanese Time Management Mastery
  • S8 คอร์ส Story Telling with Data อย่าเป็นคนเก่งที่เล่าเรื่องไม่เป็น
  • S3+: Build Page 100,000 Likes
  • S21 : Master of Productivity

ติดต่อเรา

icon_FB
senseipae
icon_Line
@senseipae
icon_youtube
senseipae
icon_Email

senseipae@gmail.com
(จันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-17.30 น.)


เซนเซแป๊ะ วิทยากรและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีงานบรรยาย มากกว่า 500 รุ่น ในรอบ 5 ปี ส่งมอบความรู้ให้คนไทยมากกว่า 5,000 คน

คอร์สออนไลน์

  • Super Productive Communication Tools
  • Management Mastery

ติดต่อเรา

icon_FB
senseipae
icon_Line
@senseipae
icon_youtube
senseipae
icon_Email

senseipae@gmail.com
(จันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-17.30 น.)

© Powered by senseipae. 2022

Back to top