• หน้าหลัก
  • บริการของเรา
    • In-house and Virtual Training
    • Keynote Speaker
    • Course Online
  • สรุปเรื่องน่ารู้
    • บทความ
    • การเงิน
    • Podcast
    • เขียนได้ขายดี
  • เกี่ยวกับเรา
  • แจ้งชำระเงิน
  • ติดต่อสอบถาม
senseipae
  • หน้าหลัก
  • บริการของเรา
    • In-house and Virtual Training
    • Keynote Speaker
    • Course Online
  • สรุปเรื่องน่ารู้
    • บทความ
    • การเงิน
    • Podcast
    • เขียนได้ขายดี
  • เกี่ยวกับเรา
  • แจ้งชำระเงิน
  • ติดต่อสอบถาม

เขียนได้ขายดี

Home » ความแตกต่างระหว่างหนังสือดีกับหนังสือ Bestseller
ความแตกต่างระหว่างหนังสือ

ความแตกต่างระหว่างหนังสือดีกับหนังสือ Bestseller

  • Posted by วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ (เซนเซแป๊ะ)
  • Categories เขียนได้ขายดี
  • Date 25 พฤษภาคม 2023
  • Comments 0 comment

1. หนังสือดีไม่ได้หมายความว่าจะขายดีเสมอไป

“หนังสือดีคือหนังสือที่เราชอบอ่าน หนังดีคือหนังที่เราชอบดู”
–อุดม แต้พานิช-

สำหรับผม หนังสือทุกเล่ม “ดี” ในแบบของมัน หนังสือดีของผมคือหนังสือที่ทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น ขอแค่มีสักบท สักหน้า หรืออาจจะแค่ประโยคเดียวที่ทำให้ผมได้ฉุกคิดกับชีวิต มันก็ดีพอที่จะเรียกว่าหนังสือดีแล้ว

ยิ่งเมื่อมาเป็นนักเขียนหนังสือก็ยิ่งทำให้รู้ว่ากว่าจะเป็นหนังสือได้สักเล่ม ไม่ใช่แค่มีนักเขียนคนเดียว

แต่เราต้องมี บรรณาธิการ นักพิสูจน์อักษร นักออกแบบปกและคนอีกหลายคนทำหน้าที่ต่างกันถึงจะได้หนังสือออกมาให้เราพลิกหน้ากระดาษกวาดสายตาอ่านกัน

ดังนั้นหนังสือทุกเล่มจึงผ่านความตั้งใจของคนจำนวนมาก มันจึงดีพอสำหรับผมทุกเล่ม หน้าที่ของนักอ่านอย่างผมอาจคือการมองหาความดีที่ซุกซ่อนอยู่

แต่ถ้าเราเข้าไปที่ร้านหนังสือสักร้านในห้างสรรพสินค้าจะพบว่ามีหนังสือเกิน 1,000 ปก ยิ่งถ้าเป็นร้านใหญ่ระดับ Kinokuniya ในพารากอน หรือ B2S Think Space ก็อาจจะเกิน 10,000 ปกได้

เครดิตภาพวิกิพีเดีย ร้าน Kinokuniya สาขาสยามพารากอน

เราจะพบว่าในช่วงเวลาหนึ่ง จะมีหนังสือไม่กี่เล่มในบรรดาหนังสือนับพันที่ได้ตั้งอยู่ตรงกำแพงร้าน บ่งบอกสถานะความเป็นที่นิยมจากคนจำนวนมาก

หนังสือดีทุกเล่มจึงไม่ใช่หนังสือทุกเล่มที่ขายดีเป็น Bestseller

2. หนังสือประเภทไหนขายดีที่สุด

ข้อมูลจากผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย Website : https://pubat.or.th/ สรุปหมวดหนังสือที่มียอดสูงที่สุดในปี 2021 ไว้ดังนี้

เครดิตภาพ จาก เอกสารดาวน์โหลดฟรีของ PUBAT

จากการวิเคราะห์ของผม เด็ก เยาวชน เป็นกลุ่มที่การอ่านยังคงอยู่รอบตัวเขาผ่านการเรียนที่ต้องอ่านหนังสือเป็นประจำ สมเหตุผลที่จะเป็นอันดับ 1 นิยาย ที่อ่านเพื่อความบันเทิงกับอันดับ 2 คู่มือเรียน/คู่มือสอบ ที่อ่านเพื่อให้บรรลุหน้าที่ของตัวเอง

ในมุมของพ่อแม่ หากลูก ๆ จะซื้อหนังสืออะไร ผมก็คงไม่ทัดทาน เพราะอย่างไรการอ่านก็มีประโยชน์สำหรับเขา เด็ก ๆ น้อง ๆ เองก็คงคิดว่า ซื้อหนังสืออย่างน้อย คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่น่าจะมีประเด็นอะไร

แม้นิยายจะมียอดขายเป็นอันดับ 1 ตามด้วย คู่มือเรียน คู่มือสอบ แต่สำหรับผม ขอเป็นตัวแทนคนที่ถนัดเขียนในหมวดที่ 3 พัฒนาตัวเอง และ 4 บริหารธุรกิจ ว่าถ้าเราเขียนได้ดีและรู้เคล็ดลับของการขายดี อย่างที่ผมชอบเล่าให้ผู้เข้าอบรมคอร์ส How to Make Bestseller Book เขียนได้ขายดีฟังแล้ว คุณก็จะรู้ว่าโอกาสยังเป็นของทุกคนครับ

เครดิตภาพ จาก เอกสารดาวน์โหลดฟรีของ PUBAT

หมวดการ์ตูน นิยายแปล สอดคล้องกับความต้องการในตลาด ส่วนบริหารธุรกิจและจิตวิทยาอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงเดิม ไม่เพิ่มหรือลดจนมีนัยสำคัญ

อีกข้อมูลที่เราได้ก็คือในทุกปี มีหนังสือใหม่ราว 18,000-22,000 ปกถูกตีพิมพ์ออกมา หมายความว่าในแต่ละวันจะมีหนังสือออกใหม่โดยเฉลี่ย 50-60 ปกถูกเติมเข้าไปในร้าน จะทำอย่างไรให้หนังสือของเราถูกเลือก

3. อะไรคือความแตกต่างระหว่างหนังสือดีกับหนังสือ Bestseller

ถ้าตอนนี้คุณกำลังเดินตรงเข้าไปร้านหนังสือโปรด มองเห็นหนังสือเรียงรายเต็มไปหมด เดินสำรวจหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า ไม่ว่าจะอยู่ตรงโซนหนังสือแนะนำ ตรงชั้นวางหนังสือที่เห็นแค่สันปกอย่างมีความสุข หยิบเล่มที่รู้สึกสนใจมาพลิกอ่าน ดูปกหน้าหลัง เปิดสารบัญ ดูว่าใครเป็นคนเขียน ดูเนื้อหา ภาพประกอบ

เวลาผ่านไปไม่นาน ในที่สุดคุณก็ตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มนั้นมาไว้กับตัว เดินตรงมาที่เคาน์เตอร์ชำระเงินและนำมันกลับไปดองไว้ที่บ้าน ฮ่าฮ่าฮ่า

คำถามคือ “ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้คุณซื้อหนังสือสักเล่ม”

คุณน่าจะได้คำตอบมากกว่าหนึ่งข้อและก็พบอีกเช่นเดียวกันว่า “เนื้อหา” ของหนังสือสำคัญ แต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งในเหตุผล ไม่ใช่ทั้งหมด

ถ้าคุณเคยซื้อหนังสือเพราะชอบปก (ผมเคยซื้อเล่มเดิมเพราะมันเปลี่ยนปกด้วยนะ คุณก็อาจจะเคย) หรือคุณเคยซื้อหนังสือเพราะชื่อมันโดนใจ หรือคุณเคยซื้อแบบไม่คิดทันทีที่รู้ว่ามันคือเล่มใหม่ของนักเขียนในดวงใจ

ยินดีด้วย คุณกำลังเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าหนังสือ Bestseller มีอะไรมากกว่าแค่เนื้อหาดี

4. ถ้าจะเขียนหนังสือให้เป็น Bestseller นักเขียนควรรู้อะไรบ้าง

ในหลักสูตร How to Make Bestseller Book เขียนได้ขายดีนั้น ผมพูดเสมอว่าหนังสือ Bestseller นั้นนอกจากจะมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้คนแล้ว ยังต้องเข้าใจหลักการ 3P ด้วย

  1. People     รู้พฤติกรรมของนักอ่าน
  2. Product   มีทักษะในการเขียนที่ดี
  3. Publish    มีความรู้พื้นฐานด้านการพิมพ์และการจำหน่าย

ทักษะการทำหนังสือให้เป็น Bestseller จากคอร์สเขียนได้ขายดี

1. People : รู้พฤติกรรมของนักอ่าน

ความผิดพลาดอย่างหนึ่งจนทำให้หนังสือเล่มแรกของผมไม่มียอดขายจนถึงวันนี้ คือ
“เขียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเล่า โดยไม่ได้สนใจว่าคนอ่านอยากอ่านหรือไม่”
เวลาที่ชวนใครสักคนคุยในเรื่องที่เขาไม่ได้อยากฟังนั้นยากแค่ไหน การเขียนหนังสือที่ไม่มีใครอยากอ่านก็ให้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน

แม้เนื้อหาจะดีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ได้เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ก็ยากที่เขาจะให้ความสนใจ และอย่างที่เขียนไปในหัวข้อก่อนหน้าแล้วว่า ปัจจัยที่ทำให้นักอ่านตัดสินใจซื้อหนังสือสักเล่มมีมากกว่าแค่เนื้อหา หนังสือ Bestseller จึงต้องเข้าใจและใส่ใจสิ่งเหล่านี้ด้วย เช่น ปัญหาของเขาคืออะไร ชื่อหนังสือแบบไหนที่โดนใจ ปกแบบไหนที่ทำให้อยากหยิบ

ถ้าออกแบบหนังสือให้สอดคล้องกับการตัดสินใจซื้อหนังสือได้ ก็เป็นไปได้ที่จะขายดี คำแนะนำของผมคือหลังจากนี้ ทุกครั้งที่เข้าร้านหนังสือ ให้ลองมองในอีกมุมด้วยว่า ฉันตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะอะไร คำตอบเหล่านั้นแหละครับคือองค์ประกอบสำคัญของหนังสือ Bestseller

2.Product :มีทักษะการเขียนที่ดี

ปัญหาของนักเขียนมือใหม่ที่ผมเคยเป็นและพบเจอกับผู้เข้าอบรมบ่อย ๆ คือ มีข้อมูลพอ รู้ว่าตัวเองอยากเขียนอะไร แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เรียบเรียงยังไงให้เข้าใจง่ายและสนุก

ความลับที่ผมอยากบอกคุณคือจริง ๆ แล้วมันง่ายกว่าที่คิด

เพราะการเขียนเป็นทักษะอย่างหนึ่ง ถ้าเราสามารถแยกมันออกมาเป็นขั้นตอนได้ รวมกับการมีเทคนิคที่ดีด้วยแล้ว เราอาจใช้เวลาราว 240 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นในการทำหนังสือไซซ์ A5 หนาสัก 200 หน้าได้

การเขียนเนื้อหาสำหรับหนังสือสักเล่ม สิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญได้แก่ การกำหนดสารบัญให้ครอบคลุมประเด็นที่ต้องการเล่า การเขียนเนื้อหาต้นฉบับให้ไม่ฟุ้งอยู่ในกรอบที่กำหนด และมีการเล่าเรื่องที่ทำให้ได้ทั้งความรู้และอยากรู้

เคล็ดลับที่ผมใช้ในการพัฒนาทักษะเขียนคือ อ่านหนังสือ Bestseller จำนวนมากแล้วถอดรหัสโครงสร้างการเขียน วิธีเล่าเรื่องเก็บไว้ จนปัจจุบันกว่า 15 ปีที่อ่านหนังสือจริงจังหลายร้อยเล่ม ผมได้วิธีการเขียนหนังสือให้จบ 100% ในเวลา 90 วันแล้ว 2 เทคนิคชื่อ “คิดก่อนเขียน” และ “เขียนก่อนคิด” มีผู้เข้าอบรมรุ่นที่ 2 อย่างคุณ “แคสเปอร์” ธนกฤษณ์ เสริมสุขสัน ผู้บุกเบิก Startup ไทยในอาเซียน ไปลองทำก็เขียนต้นฉบับของตัวเองเสร็จภายในไม่ถึง 2 เดือนดี


ถ่ายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 29 กับคุณแคสเปอร์
ผู้เข้าอบรมคอร์ส เขียนได้ ขายดี รุ่นที่ 2

3. Publish : มีความรู้พื้นฐานด้านการพิมพ์และการจำหน่าย

ผลสำรวจจากเพจสรุปให้ที่มีผู้เข้าร่วมตอบคำถามกว่า 200 คน กับคำถามที่ว่าหนังสือราคาเท่าไหร่ที่รู้สึกว่าแพงโดยไม่เกี่ยงความหนา

แบบสำรวจวันที่ 7 มีนาคมในเพจสรุปให้ ที่มีผู้ติดตามกว่า 400,000 คน

ได้ข้อสรุปคร่าว ๆ ว่า ถ้าราคาหนังสือเกิน 400 บาท จะเริ่มรู้สึกแพง (โดยจำนวนหนึ่งตอบว่าขึ้นกับความคุ้มค่ามากกว่า)

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ราคา” คืออีกปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อหนังสือสักเล่ม ต่อให้เนื้อหาดี ชอบชื่อปกแค่ไหน แต่หากแพงเกินงบที่มี ยอดขายก็ย่อมน้อยตาม

ดังนั้นนักเขียนเองก็พอจะต้องทราบต้นทุนพื้นฐานของหนังสือสักเล่มว่าถูกแพงเพราะอะไร หากจะพิมพ์ขายเองควรจะมีราคาที่เท่าไหร่ รูปแบบการพิมพ์ช่วยประหยัดต้นทุนได้มีอะไรบ้าง เช่น จำนวนสี จำนวนหน้า ปริมาณการพิมพ์ต่อครั้ง

นอกจากหนังสือแล้ว ช่วงเวลาวางจำหน่ายกับกิจกรรมหลังวางจำหน่ายก็สำคัญไม่แพ้กัน เหมือนภาพยนตร์ดีแต่ออกฉายพร้อมกับหนังฟอร์มยักษ์ที่มีคนรอชมจำนวนมากแถมยังมีการประชาสัมพันธ์ดี ภาพยนตร์ดีนั้นอาจจะทำยอดขายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

โดยสรุปหนังสือ Bestseller นั้นมีองค์ประกอบรวมหลายอย่าง บางอย่างนักเขียนเป็นผู้ควบคุม บางอย่างก็ต้องได้สำนักพิมพ์ และร้านหนังสือสนับสนุน

5. เป็นนักเขียน (Bestseller) แล้วชีวิตเปลี่ยนจริงหรือเปล่า

สำหรับเรื่องนี้ผมคงไม่กล้าเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมเองได้ แต่ถ้าถามผมแล้ว การได้เป็นนักเขียนและกลายเป็นนักเขียนขายดีนั้น เปลี่ยนชีวิตผมได้มาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม

รายได้ของผมเพิ่มขึ้นจากค่าลิขสิทธิ์หนังสือ ได้รับเชิญไปบรรยายในองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่เคยคิดฝันจะได้ไปมาก่อน ได้เจอคนเก่ง ๆ ระดับประเทศในสังคม คนเหล่านี้มอบแรงบันดาลใจให้ผมอยากพัฒนาตัวเองในทุก ๆ วัน

ร่วมแสดงความยินดีกับพี่พอล ภัทรพล คุณถนอม TaxBugnoms, คุณโอมศิริ และ พี่หนุ่ม The Money Coach

แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคือการได้รับคำขอบคุณจากคนที่อ่านหนังสือของเราแล้วได้ประโยชน์ คำขอบคุณเหล่านั้นทำให้ผมอยากที่จะเขียนหนังสือเล่มใหม่ไปเรื่อย ๆ

ตัวอย่างของคำขอบคุณที่ได้จากการเป็นนักเขียน

แม้หัวข้อนี้จะเน้นไปที่การเปรียบเทียบระหว่างหนังสือดีกับหนังสือ Bestseller ก็ตามแต่เชื่อผมเถอะครับว่าไม่ว่าจะเป็นหนังสือกลุ่มไหน มันจะเป็นประโยชน์กับผู้คนอย่างน้อย 1 คนแน่นอน

คนที่เขียนหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา

-หนังสือที่เราเขียนเปลี่ยนชีวิตตัวเราได้แน่นอน-
เซนเซแป๊ะ
 

  • Share:
วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ (เซนเซแป๊ะ)
วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ (เซนเซแป๊ะ)

• วิทยากรและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีงานบรรยาย มากกว่า 200 รุ่น ในรอบ 3 ปี ส่งมอบความรู้ให้คนไทยมากกว่า 5,000 คน
• อดีตผู้จัดการหน่วยวิจัยและพัฒนาระดับประเทศที่มีประสบการณ์ทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น 2 ปี
• Founder “เพจสรุปให้” เพจที่มีคน ติดตามกว่า 390,000 คน
• ผลงานด้านนักเขียน Best Seller 3 เล่ม

Previous post

วิธีคิดของนักเขียน Best Seller ระดับโลก
25 พฤษภาคม 2023

Next post

ทำอย่างไรถึงจะเป็นนักเขียน Bestseller
26 พฤษภาคม 2023

You may also like

8 คุณสมบัติของหนังสือขายดี
15 มกราคม, 2024

1. เนื้อหาต้องดี : วิธีประเมิน คือ อ่านจ …

งานแบบไหนตกงานยาก
15 มกราคม, 2024

งานแบบไหนตกงานยาก เห็นข่าว Lazada ปลดพนั …

วิธีอ่านหนังสือให้สนุกกว่าเดิม 4 เท่า
8 มกราคม, 2024

เปิดปีใหม่มางานสำนักพิมพ์ก็เริ่มเข้า ทั้ …

Leave A Reply ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Categories

  • Podcast
  • การเงิน
  • บทความ
  • บทความ
  • เขียนได้ขายดี


เซนเซแป๊ะ วิทยากรและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีงานบรรยาย มากกว่า 500 รุ่น ในรอบ 5 ปี ส่งมอบความรู้ให้คนไทยมากกว่า 5,000 คน


คอร์สออนไลน์

  • S2 : Turn How To Make Japanese Style presentation
  • S11 : Super Productive Communication Tools
  • S24 : Japanese Time Management Mastery
  • S8 คอร์ส Story Telling with Data อย่าเป็นคนเก่งที่เล่าเรื่องไม่เป็น
  • S3+: Build Page 100,000 Likes
  • S21 : Master of Productivity

ติดต่อเรา

icon_FB
senseipae
icon_Line
@senseipae
icon_youtube
senseipae
icon_Email

senseipae@gmail.com
(จันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-17.30 น.)


เซนเซแป๊ะ วิทยากรและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีงานบรรยาย มากกว่า 500 รุ่น ในรอบ 5 ปี ส่งมอบความรู้ให้คนไทยมากกว่า 5,000 คน

คอร์สออนไลน์

  • Super Productive Communication Tools
  • Management Mastery

ติดต่อเรา

icon_FB
senseipae
icon_Line
@senseipae
icon_youtube
senseipae
icon_Email

senseipae@gmail.com
(จันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-17.30 น.)

© Powered by senseipae. 2022

Back to top